สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อเชฟ และ วิธีเลือกเสื้อเชฟสำหรับคุณ

ทุกครั้งที่ไปร้านอาหาร แน่นอนเราจะโฟกัสที่รสชาติอาหารเป็นหลักกันใช่ไหมคะ? แต่เคยสังเกตไหมคะว่าเชฟผู้รังสรรค์อาหารเหล่านั้นแต่งกายอย่างไร? ตั้งแต่ก้าวแรกที่เราเดินเข้าไปในร้านอาหาร ดีเทลทุกอย่างถูกใส่ใจอย่างพิถีพิถัน รวมถึงเสื้อเชฟของเชฟด้วยค่ะ ซึ่งเชฟส่วนใหญ่จะใส่ชุดสีขาวสะอาดตา หรือบางทีก็เป็นสีอื่นๆบ้าง แล้วทำไมต้องมียูนิฟอร์มด้วยล่ะ? จริงๆ มันไม่ได้มีดีแค่ดูเท่ๆ อย่างเดียว

ลองนึกภาพ ถ้าเราไปทานร้านอาหารหรูๆ แล้วเห็นเชฟเดินออกมาใส่เสื้อยืดขาดๆ ร้องเท้าแตะ แล้วถือกระทะมาทำอาหารให้เรา เราคงจะรู้สึกแปลกๆ ไม่เชื่อมั่นในอาหารที่เชฟทำใช่ไหมคะ? แต่พอเห็นเชฟที่ใส่เสื้อเชฟขาวๆ สะอาดเอี่ยมแบบนี้ มันก็ให้ความรู้สึกว่าอาหารที่เราจะได้ทานเนี่ย สะอาด ปลอดภัย และก็ดูมีมาตรฐานขึ้นมาทันทีเลย

แล้วเสื้อเชฟมันมีประโยชน์อะไรบ้าง? นอกจากจะทำให้เรารู้สึกมั่นใจในความสะอาดแล้ว เสื้อเชฟยังช่วยให้เชฟทำงานได้สะดวกขึ้นอีกด้วย เพราะผ้าของชุดเชฟมักจะทนความร้อน ทนรอยเปื้อน และยังระบายอากาศได้ดีด้วย เชฟจะต้องทำอาหารหน้าเตาเป็นเวลา การเลือกผ้าที่ช่วยให้ความรู้สึกเย็นสบาย ช่วยให้ทำงานได้คล่องตัว โดยไม่อับชื้น

อีกจุดที่น่าสนใจ คือ ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ มักจะออกแบบเสื้อเชฟเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ยิ่งออกแบบให้แตกต่างก็ยิ่งทำให้เป็นที่จดจำของลูกค้าได้มากขึ้น จริงๆสามารถถือได้ว่าการออกแบบชุดเชฟก็เหมือนกับการออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นเลยค่ะ ตั้งแต่การเล่นสี เล่นลาย และการเลือกวัสดุที่แตกต่างกันไป เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นอาจเลือกใช้เสื้อเชฟที่มีลวดลายแบบดั้งเดิมหรือดีไซน์ที่แสดงถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงกับความเป็นเอกลักษณ์ของร้าน แค่รายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้ก็ช่วยส่งเสริมเรื่องแบรนดิ้งให้กับร้านอาหารได้อย่างมาก

เห็นไหมคะว่าเสื้อเชฟไม่ได้มีแค่ไว้ใส่เท่ๆ  แต่ยังซ่อนรายละเอียดมากมายที่สำคัญ  ทั้งในแง่ของการปกป้องร่างกาย ความสะดวกสบาย เสริมแบรนด์ดิ้ง นี่ยังไม่พูดถึงฟังก์ชันพิเศษอย่างกระเป๋าเสื้อที่ใช้ได้จริง หรือความภาคภูมิใจที่เชฟได้รับจากการสวมใส่มันด้วย

มาถึงจุดนี้แล้ว คำถามคือ แล้วเราจะเลือกเสื้อเชฟที่เหมาะสมกับร้านของเราได้อย่างไร? การเลือกเสื้อเชฟไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ หรือ ดีไซน์ มาดูกันเลยค่ะว่าการเลือกเสื้อเชฟที่ใช่ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง

1. วัสดุและความทนทาน: เสื้อเชฟควรทำจากผ้าที่สามารถทนความร้อน และสามารถระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้ายหรือโพลีเอสเตอร์ ช่วยให้เชฟทำงานในครัวที่ร้อนตลอดวันได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังควรมีคุณสมบัติทนต่อคราบน้ำมันและสิ่งสกปรก เพื่อให้เสื้อดูสะอาดตาแม้ใช้งานหนัก
   
   
2. การออกแบบที่เหมาะสม: การเลือกเสื้อเชฟที่มีฟังก์ชันใช้งานได้จริง เช่น กระเป๋าที่ออกแบบมาเพื่อเก็บอุปกรณ์เล็กๆ ได้สะดวก หรือการตัดเย็บที่ทำให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัว
   
   
3. ความสวยงามและแบรนดิ้ง: เสื้อเชฟที่มีการออกแบบลวดลายและสีสันที่สื่อถึงแบรนด์ของร้านจะช่วยเพิ่มภาพลักษณ์และสร้างความน่าจดจำให้กับลูกค้า
   
   
4. มาตรฐานและคุณภาพ: เสื้อเชฟที่ดีควรผ่านมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการรับรอง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า
   ทนทาน ใช้งานได้ดี และปลอดภัยในการทำงาน

Harrot เป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายเสื้อเชฟคุณภาพสูง โดยได้รับมาตรฐาน Thailand Textiles Tag ผ่านการตรวจสอบและรับรองจาก สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ THTI ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าสินค้าจาก Harrot มีคุณภาพดี ทนทาน ใช้งานได้จริง

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เรามาดูตัวอย่างเป็น “เสื้อเชฟยีนส์” กันค่ะ ซึ่งเรามักจะเห็นเสื้อแบบนี้ในร้านที่ตกแต่งคอนเซ็ปทันสมัย อย่างเช่น ร้านสเต็ก หรือ ร้านอาหารอิตาเลี่ยน เป็นต้น จุดเด่นของเสื้อประเภทนี้ คือ ความสวยงามและความทนทานในขณะทำอาหาร ด้วยเนื้อผ้ายีนส์ที่มีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน เสื้อเชฟนี้จึงเหมาะสำหรับการทำงานในห้องครัวที่มีสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย โดยที่ยังรักษาความเป็นตัวเองและสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า เสื้อเชฟที่ดีต้องคำนึงถึง 4 ข้อ ได้แก่ วัสดุและความทนทาน, การออกแบบที่เหมาะสม, ความสวยงามและแบรนดิ้ง, มาตรฐานและคุณภาพ ลูกค้าของ Harrot ไม่ต้องกังวลเลยว่า หากได้รับสินค้าไปแล้วจะไม่ตรงปก ที่ Harrot เราการันตีด้วยป้าย Tag ที่สามารถใช้ได้เฉพาะบริษัทที่ผ่านเกณฑ์การทอสอบผลิตภัณฑ์ และ สถานที่ผลิตภายใต้หลักการของ Thailand Textiles Tag เท่านั้น  

นอกจากนี้ เรายังมีบริการปักชื่อและโลโก้บนเสื้อ เพื่อให้เสื้อเชฟของคุณเป็นมากกว่ายูนิฟอร์ม สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Harrot หรือ โทร 095-596-5935 / 095-593-5536 / 093-551-6959  เรายินดีให้บริการค่ะ